ขั้นตอน Singapore Airlines อย่างละเอียดจากน้องเตย Wing 48 ส่วนภาพประกอบ คือรูปน้องลูกปัด Wing 30 | โค้ชแหม่ม สอนแอร์

17 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ขั้นตอน Singapore Airlines อย่างละเอียดจากน้องเตย Wing 48 ส่วนภาพประกอบ คือรูปน้องลูกปัด Wing 30 | โค้ชแหม่ม สอนแอร์

ขั้นตอน Singapore Airlines อย่างละเอียดจากน้องเตย ลูกศิษย์คอร์ส The Wing รุ่น 48 ค่ะ ส่วนภาพประกอบ คือรูปน้องลูกปัด ลูกศิษย์คอร์ส The Wing รุ่น 30 ที่ตอนนี้ ย้ายมาเป็นสาวแอร์บางกอกบูทีคแล้วค่ะ 

“แถ่นแท้นน ..
SQ จะไปรับสาวไทยอาทิตย์หน้าแล้ว Inbox ก็จะล้นๆหน่อย เอาเป็นว่ามารีวิวให้ตรงนี้เลย!

แต่ของเรามันจะไม่เหมือนคนอื่นอยู่หน่อยๆ เพราะเราได้ Invitation Email จากรอบ Referral Scheme

ถ้าใครยังจำได้ ช่วงปลายปี2017 สิงคโปร์แอร์ไลน์มี Referral Scheme ที่ให้ลูกเรือ refer ชื่อของคนที่อยากร่วมงานกับเขา งานนี้เราเลยรบกวนเพื่อนเราให้ช่วยใส่ชื่อเราไปให้หน่อย

หลังจากเพื่อนเสนอชื่อไปให้ ข่าวคราวของรอบนี้ก็เงียบๆหายไปสักสองเดือน ช่วงประมาณ Feb 2018 สิงคโปร์แอร์ไลน์ก็ส่งอีเมลล์มาให้ทำ VDO Interview ผ่านทาง hirevue ซึ่งในวีดีโอจะมีทั้งหมด 3คำถาม ทำเสร็จก็กดส่งInterview นี้ให้เค้าไป แล้วข่าวคราวของนางก็เงียบไปอี้กกก (เงียบเก่ง เอะอะๆเงียบ 555)

จนกระทั่ง ... June 2018 สายการบินนี้มาเปิดรับลูกเรือไทยอีกครั้งหลังจากหายไป 1ปีเต็ม เราก็ลืมๆเรื่อง VDO Interview ไปแล้ว และคิดว่าตัวเองคงไม่ผ่านรอบVDO นี้แน่ๆ เพราะส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบพูดเป็นการเป็นงานออกหน้ากล้อง แล้วเราก็ตอบคำถามได้ไม่ดีเท่าไร แล้วตอนนั้นติดปีกนกแอร์แล้ว ตอนแรกตั้งใจจะเท ไม่ทำวีดีโอแล้วด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผม อัดวีดีโอผ่านกล้องมือถือซัมซุง ฉากหลังก็คือกำแพงหอขาวๆโง่ๆ แล้วกดส่งให้สายการบินในวันสุดท้ายก่อนที่จะ expireภายใน 11.59pm SG Time

กลับมาต่อกันที่การมารับสมัครของสิงคโปร์แอร์ไลน์ของปี 2018
สายการบินนี้เราจะต้องสมัครออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ก่อนเท่านั้น ไม่สามารถWalk-in ได้ กรอกไปก็ต้องลุ้นดวงไปด้วยว่าช่วงนั้นดวงดีหรือดวงตก เพราะเค้าไม่ได้ให้Invitation Email ทุกคน

ส่วนตัวเรา เราไม่ได้Invitation Email จากการสมัครออนไลน์ แต่เราได้จาก Referral Scheme แทน (เราก็ไม่มั่นใจว่าเค้าดูว่าอีเมลล์เป็นอีเมลล์เดียวกันรึเปล่า เค้าเลยส่งให้แค่อย่างใดอย่างหนึ่ง อันนี้เดา 555) ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีของเรามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ที่ได้Invitation Email จาก Referral Scheme เพราะเราไม่ต้องเข้าห้องเชือดไปพรีสกรีน เย้!! ถ้าใครเคยอ่านรีวิวมา หรือเคยไปสัมภาษณ์สายการบินนี้มาแล้ว ก็คงจะทราบกันดีว่ารอบ Pre-Screenเนี้ย เป็นรอบที่น่ากลัวที่สุดแล้ว

ใน Invitation Email ก็จะระบุวัน เวลา สถานที่ เอกสารที่ต้องเตรียม และระบุรอบที่เราจะต้องเข้าไป Test ซึ่งรอบของคนที่ได้อีเมลล์จาก Referral Scheme อย่างเราก็คือ English Test นั่นเอง ฮี่ๆ

วันสัมภาษณ์
Date: 16/06/2018
Time: 09.45
Venue: Anantara Siam Bangkok Hotel

สำหรับขั้นตอนของรอบ Referral ก็จะมีด้วยกันทั้งหมด 7 ด่าน(ไม่ต้องPre-Screen)
เริ่มกันที่

Check Point
ด่านนี้ เจ้าหน้าที่จะมาเช็คเอกสารเบื้องต้นของเรา ได้แก่
Invitation Email/ Passport/ Educational Certificate/ TOEIC
สำคัญมาก ห้ามลืมปริ๊นอีเมลล์ และห้ามลืมเอาพาสปอร์ตไป หากใครไม่มีกลับบ้านเลยนาจา หรือถ้าพี่เค้าใจดี เค้าจะให้เวลาเรากลับไปเอา หรือจะรอให้คนที่บ้าน หรือไลน์แมน หรือใครก็ตามเอาเอกสารมาส่งให้เราก็ได้ เค้าจะให้เราเข้าสัมภาษณ์ในรอบบ่ายๆอีกที

Documents Check
หากคุณคิดว่าการเช็คเอกสารจบแล้ว.. คุณคิดผิดค่ะ มันยังไม่จบ
ด่านนี้คุณต้องเอาเอกสารทั้งหมดที่เค้ากำหนดมาเรียง (ต้องเรียงตามที่เค้ากำหนดเท่านั้น) เริ่มจาก
- Application Form ที่ได้มาจาก Invitation Email (กรอกข้อมูลให้ครบถ้วนและถูกต้องด้วย)
- A copy of Passport
- A copy of Birth Certificate
- A copy of Educational Certificate
- A copy of TOEIC

เมื่อเรียงเสร็จเอามายื่นให้พี่เจ้าหน้าที่ที่นั่งคอยเราอยู่ สำหรับรอบปีนี้จะมีสองช่องแยกกัน ช่องแรกคือรอบทั่วไป และอีกช่องสำหรับรอบ VDO Interview ซึ่งหมายเลขที่แปะหน้าอกของทั้งสองรอบจะแตกต่างกัน เพืื่อนคนไหนได้รอบปกติก็จะเป็นตัวเลขธรรมดา แต่สำหรับที่เป็น VDO อย่างเราจะมี SRขึ้นต้นก่อน เช่น เราได้เลข SR35(ตอนแรกก็กะว่าจะเอาไปแทงหวยแล้วแต่ก็รู้สึกคิดถูกที่ไม่แทงเพราะมันไม่ออก)

Arm Reach
เมื่อได้หมายเลขติดหน้าอกมาแล้ว ก็นั่งรอสักพักก็จะมีพี่เจ้าหน้าที่มาเรียกไปชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง เอื้อมแตะเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 10คน ใครสูงไม่ถึง 158cm. หรือเอื้อมแตะ(แขนสองข้าง)ไม่ถึงเส้นที่เค้าแปะเอาไว้ พี่เค้าจะให้โอกาสเราเอื้อมแตะประมาณสองรอบ ถ้าที่สุดแล้วก้ยังไม่ถึงจริงๆ ก็กลับบ้านทันทีนะคะ

English Test
เสร็จจากรอบเอื้อมแตะก็เดินวนขวาไปทำข้อสอบภาษาอังกฤษของสายการบิน
รอบนี้ จากที่เราเคยอ่านรีวิวมา บางคนบอกว่าง่ายมากๆ บอกคนบอกว่าค่อนข้างยาก
สำหรับเรา.. เราเป็นเด็กอักษรเอก-โทภาษามา ข้อสอบของที่นี่ไม่ได้ยากเกินความสามารถ (ข้อสอบของอาจารย์ภาคอิ๊งตอนมิดเทอม และไฟนอลยากกว่านี้เย้อออออะ) แต่ก็อย่าประมาทจนเกินไป อ่านให้ดี ดูให้ครบว่าข้อสอบมีกี่หน้า กี่ตอน
สำหรับตัวข้อสอบ จะแบ่งเป็น 2 Parts Part ละประมาณ 6ข้อ(มั้ง) ให้เวลา 15นาที

- เติมคำในช่องว่าง
วัดคำศัพท์และแกรมม่า เช่น มีข้อนึงเราจำได้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับตารางทัวร์ ซึ่งคำศัพท์ที่มีมาให้เลือก ได้แก่ Itinerary, Schedule, Timetable

- Reading
โคตรง่ายยยยยยยยยย ที่สุดของความง่าย ไม่มีการหลอกตา สลับคำ หรือสับขาหลอกอะไรทั้งนั้น คำถามคำตอบก็คือcopy มาจากใน passage แบบ word by wordเลย ตั้งสติดีๆ อย่าลน แล้วทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี
ทำข้อสอบเสร็จก่อนเวลาก็ออกมานั่งรอประกาศผลผู้ที่ได้ไปเดินเวียนขวาไปรอบต่อไปหน้าห้องได้เลย
ปล. รอบนี้คนกลับบ้านก็มีนะคะ เพราะฉะนั้น.. อย่าประมาท

Debate
รอบนี้เราจะได้เข้าห้องไปสัมภาษณ์พร้อมกัน 6คน
โดยปกติรอบนี้กรรมการจะมีหัวข้อมาให้เรา debate กัน แล้วให้แบ่งกลุ่มเป็น 2ฝ่าย คือเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เราต้องปรึกษากับเพื่อนและเสนอไอเดีย นอกจากนี้กรรมการจะให้เราแนะนำเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆเรา และตบท้ายด้วยการอ่าน passage สั้นๆ
แต่.. สำหรับคนที่มากับดวงอย่างอรนาฏ ก็เลยไม่ต้องทำอะไรแบบนี้เลยสักอย่างเดียว
คือรอบนี้จะมีกรรมการ 2ห้อง ห้องละ 2คน เพื่อนกลุ่มก่อนหน้าเราเข้าไปห้องทางขวา ก็คือห้องที่โดนทำทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น แต่กลุ่มอรนาฏได้ห้องทางซ้าย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดในห้องฝั่งซ้ายก็คือ..
เมื่อกรรมการพร้อมเขาจะเดินออกมาเรียกเราให้เข้าไปในห้อง และอรนาฏเป็นนัมเบอร์แรกของกลุ่ม ใช่ค่ะ.. ดิชั้นอยู่หัวแถว ต้องตอบคำถามคนแรก ฮืออ 
ห้องนี้มีกรรมการสิงคโปร์ผู้ชาย1คน ผู้หญิง1คน มาถึงก็นั่งเรียงหน้ากระดาน กรรมการจะให้เราแนะนำตัว บอกชื่อ อายุ และตอนนี้ทำอะไรอยู่ พร้อมกับให้เสนอความเห็นว่า เมื่อแต่งงานแล้วเราจะอยู่กับพ่อแม่ หรือจะแยกบ้านอยู่ ตอนนั้นในใจนี่กรี๊ดหนักมาก เห้ยไม่มีdebate!!

กรรมการพูดคำถามจบปุ๊ป หันมาหานี่ปั๊ป..
“Oranat, are you ready?” (เจอคำถามแบบนี้ ตอบไม่พร้อมได้หรอคะ ฮือ)
อรนาฏผู้ซึ่งยังเรียบเรียงคำตอบได้ไม่ทันเรียบร้อยก็ต้องตอบว่า Yes! แล้วก็แนะนำตัวให้กรรมการฟัง

ตอนนั้นคิดอย่างเดียว คือเราอยากทำอะไรก็ได้ ให้กรรมการสนใจเรา ให้เขาจำเราได้ เลยแนะนำตัวไปว่า..
“Good morning, my name is Oranat Lookseu or you can call me Toey in short. I am 25 years old and now I am working as a CHINESE SPEAKER CABIN CREW at NOK Airlines, a domestic airlines in Thailand” คือตอนนั้นเราคิดว่า แค่cabin crew อย่างเดียวมันดูธรรมดาไป เราเลยเพิ่ม Chinese Speaker เข้าไปด้วยเลย 555555555555555 ผลก็คือพอเราเสนอความคิดเห็นของเราไปว่า เราอยากให้อยู่กับพ่อแม่นะ เพราะ blah blah blah ... กรรมการก็มาซักประวัติเราต่อ
เมื่อกี้ยูบอกว่าทำงานเป็นอะไรนะ พอบอกว่าเป็น Chinese Speaker Cabin Crew กรรมการทั้งสองคนก็รุมคำถามเราด้วยภาษาจีน ด้วยคำถามง่ายๆ ว่า
กรรมการ: 你几岁了?(ตอนนี้อายุเท่าไหร่)
อรนาฏ: 我今年是二十五岁。(ปีนี้อายุ 25ค่ะ)
กรรมการ: 你有男朋友吗?(มีแฟนเปล่าอ้ะ)
อรนาฏ: 没有啊   (ไม่มีค่ะ)
กรรมการ: Why? (เอ้าเปลี่ยนภาษาใส่เฉ๊ยย)
อรนาฏ: Because I can’t find the right one for me at this time. (ตอนนั้นคือแบบ.. อห นึกอะไรไม่ออกละว้อยย สลับภาษาไม่ทัน โดนเปลี่ยนภาษาแบบไม่ทันตั้งตัว ไม่มีเวลาให้เครียดเหมือนตอนจะสัมภาษณ์นกแอร์เลย 55555555555555555555555)
กรรมการก็ขำๆ แล้วก็ถามเรื่องหัวข้อที่ถามไปอีกนิดหน่อย ในใจนี่เอาแล้ว จะรอดป้ะวะ ระหว่างที่รอเพื่อนคนอื่นตอบคำถามเราก็นั่งมองเพื่อนไปด้วย สลับกับหันไปมองกรรมการไปด้วย กรรมการพูดอะไรกับใคร ขำอะไรใส่ใครก็ขำตามไปเลยจ้า pay attention ด้วยเด้อออออ อย่าใจจดใจจ่ออยู่กับการคิดคำตอบของตัวเอง เพราะในระหว่างที่กรรมการอีกคนนึงถาม อีกคนเค้าจะคอยสังเกตพวกเราแล้วจดๆลงกระดาษค่ะ เพราะฉะนั้นคีพลุกส์ของตัวเองไว้ ยิ้มเข้าไป ยิ้มสวยๆ
สำหรับเราเราถือว่าเราโชคดีมากๆ พอพูดจบคนแรกมันไม่ต้องกังวลแล้วไง มันเลย relax ได้เลยฟังเพื่อนที่เหลือตอบ เลยยิ้ม เลยหัวเราะไปกับคนอื่นๆได้
พอทุกคนพูดจบ กรรมการจะให้เราออกมารอข้างนอกค่ะ สักพักเขาจะเอาคะแนนของเรามาให้พี่เจ้าหน้าที่คนไทยประกาศผลคนได้เดินเวียนขวาไปสัมภาษณ์รอบต่อไป แล้วคือตอนนั้นไม่คาดหวังอะไรแล้ว ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็กลับบ้านนอน แล้วชื่อเราโดนเรียกคนสุดท้าย โห ดีใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แบบเห้ยย เราได้ไปต่อว่ะ ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะทำได้ขนาดนี้ ฮือ
ปล. กลุ่มเรามี 6คน ผ่านเข้ารอบไปทั้งหมด 5คน

Final Interview
รอบนี้จะเป็นการสัมภาษณ์เดี่ยวกับกรรมการ 2ท่านเป็นคนไทยกับคนสิงคโปร์ ซึ่งจากที่ถามๆคนอื่นมา รอบนี้กรรมการจะถามเรื่องเกี่ยวกับตัวเราเองล้วนๆเลย เราก็เลยนั่งตั้งสติกับตัวเองอยู่สักพักใหญ่ๆระหว่างรอ ตอนนั้นก็ลองนั่งนึกคำถามๆนึงเล่นๆในใจ ว่าตอนนี้เราเป็นลูกเรืออยู่นะ เราเคยเจอ angry customer บ้างมั้ย และคำตอบของเรามันก็ต้องคือเคย ถึงแม้ว่าตอนนั้นเพิ่งจะมีประสบการณ์บินได้ยังไม่ถึง 20ไฟล์ทเลยก็ตาม แล้วเราก็ต้องนั่งคิดวิธีการแก้ปัญหานั้นๆด้วย ก็คิดไว้คร่าวๆ ใครจะนึกว่ากรรมการจะถามคำถามนี้เป๊ะๆ ตอนสัมภาษณ์ โอ้โห #คนพกดวง2018
เริ่มจากกรรมการในห้องจะเดินออกมาเรียกชื่อเราให้ตามเข้าไป แล้วกรรมการอีกคนก็จะให้เราแนะนำตัว นี่ก็เลยใช้แพทเทิร์นเดิมที่บอกว่าเป็น Chinese Speaker Cabin Crew ของนกแอร์ พอเค้ารู้ว่าเราเป็นลูกเรืออยู่แล้ว เค้าพูดกับเราว่า “so I will not ask you why do you want to be a cabin crew because now you are a cabin crew” เราเลยคิดว่าสำหรับใครที่ยังไม่มีประสบการณ์การเป็นลูกเรือ เตรียมคำตอบของคำถามนี้ไว้ให้ดีๆเลยนะคะ กรรมการต้องถามแน่ๆ
พอแนะนำตัวเสร็จ กรรมการก็จะถามต่อจากสิ่งที่เราตอบมานั่นแหล่ะ
- ยูพูดจีนได้ใช่มั้ย (ใช่ค่ะ)
- บินแต่จีนหรอ (เปล่าค่า บินทั้งจีน พม่า เวียดนาม แล้วก็บินในประเทศด้วย)
- วันนึงบินกี่sector (วันละ 4 sectors ค่ะ) แล้วกรรมการก็ทำหน้าตกใจหนักมาก 5555
- เจอผู้โดยสารที่ดีและไม่ดีบ้างมั้ย (พอได้คำถามนี้เราเลยบอกเค้าไปก่อนว่า เราเนี่ยเพื่งเริ่มทำงานกับนกแอร์เมื่อตอนเดือนมีนานี่เอง แล้วก็เพิ่งถูก release ให้บินเมื่อต้นเดือนมิถุนาเองค่ะ เพราะฉะนั้นเราเพิ่งบินได้ 7วัน ไม่รวมวันหยุดและ standbyก็เลยยังเจอผู้โดยสารไม่เยอะ) กรรมการก็ขำๆ แล้วก็จี้เราต่อ
-ถ้างั้นยูเจอ angry customer บ้างมั้ย (เอาแล้วโว้ยย คำถามนี้มาจนได้ ก็เลยทำเป็นนึกๆแปปนึง แล้วก็เล่าให้เค้าฟัง ว่าเราเจอนะ ไฟล์ทแรกของเราเลย ผู้โดยสารโดนเลื่อนไฟล์ทแล้วโมโหเลยหันมาคอมเพลนเรา กรรมการก็ขำแล้วบอกว่า มันไม่ใช่ความผิดยูเลยนะ เราก็เลยเล่าให้ฟังต่อว่าพอผู้โดยสารรู้สึกหงุดหงิดมากๆ เราอยากให้เค้ารู้สึกดีขึ้น ก็เลยถามหัวหน้าเราว่าเราย้ายผู้โดยสารมานั่งแถวหน้าสุดได้มั้ย เพราะที่มันกว้างกว่า เค้าจะได้รู้สึกสบายขึ้นแล้วก็ประทับใจด้วย พี่หัวหน้าก็เห็นด้วย กรรมการก็ยิ้มๆ)
-แล้วถ้าเราเลือกยู ยูจะ distribute อะไรให้สิงคโปร์แอร์ไลน์ (ในใจตอนนั้นได้แต่อุทานว่า อห! distribute มันแปลว่าไรนะ เวรแล้ว เวรร จะตกม้าตายตอนจบไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจแถ ตอบตามที่เคยเรียนมาว่าแบบ “As Singapore Airlines is the world’s most awarded airlines, I will provide an excellent service to your passengers to make them feel comfortable. Also, safety because safety is the first priority” แล้วก็ยิ้มแห้งๆใส่กรรมการ เพราะแบบแถสุดๆแล้ว ไม่รู้จะตอบว่าอะไร คือพัง คือตายตอนจบแน่นอน)
พอเสร็จกรรมการก็ถามว่า มีอะไรจะถามเค้ามั้ย เราเลยตอบไปว่า ไม่มีค่ะ แต่ thank you for having me today แล้วก็ออกไปรอผลนอกห้อง บอกเลยว่าคิดไว้แล้ววว่าไม่ผ่านแน่นอน เพราะตอบไม่ค่อยดี แล้วรอบนี้คนตกเยอะมากกกกกกกกกกกก กรรมการที่สัมภาษณ์เราในห้องจะเอาผลคะแนนออกมาให้กรรมการที่รออยู่นอกห้อง ซึ่งกรรมการคนนั้นแหล่ะจะเป็นคนบอกผลเราเอง ใครไม่ผ่านเค้าก็จะ I am sorry ใส่ พร้อมกับคืนเอกสารเราทั้งหมด แต่ถ้าใครผ่านเค้าจะพาเราไปที่ห้องลองชุดเองจ้าา
พอเค้าเรียกชื่อเรา ในใจนี่แบบเอาละจะ sorry ใส่หนูมั้ยคะ แต่มีความเงียบเกิดขึ้น แล้วเค้าก็เดินนำเราไปห้องลองชุด ว้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ผ่านแล้ว!!

Kebaya Fitting
รอบนี้เป็นการลองชุด กรรมการที่อยู่ในห้องนี้เค้าจะให้เราถอดถุงน่อง ถอดนาฬิกา ถอดรองเท้า วางกระเป๋าไว้ แล้วเลือกชุดที่คิดว่าใส่ได้ไปลองในห้องลองชุด ตอนนั้นตื่นเต้นมากๆ แล้วก็ไม่กล้าหยิบไปหลายชุด ชุดแรกที่หยิบคือเล็กไป ใส่ได้นะแต่รูดซิบไม่ขึ้น 555555555555555555555555555 เลยต้องเปลี่ยนชุดแล้วออกมาหากรรมการพร้อมบอกว่า Madam, can I change to a bigger one? กรรมการก็ใจดีบอกว่าเชิญจ้าาาาาาาาาาาาาาาาา พอดีเจอเพื่อนที่เพิ่งออกมาจากห้องลองชุด หุ่นใกล้ๆกันกับเรา เราเลยขอชุดเค้ามาใส่ ฮ่าๆ ปรากฏว่าใส่ได้พอดี แล้วก็ออกมาใส่รองเท้า สายตานี่ก็จ้องไปยังคู่ที่ใหญ่ที่สุด พร้อมกับลุ้นว่า ชะนีเท้าเบอร์40 อย่างชั้น จะใส่ได้หรือไม่ได้ สรุปใส่ได้จ้า

จากนั้นกรรมการจะให้เราเดินไปยังประตูพร้อม full turnแล้วเดินกลับมา ฮ่าๆ ตอนนั้น วินาทีคือเอาวะ ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จริตนางฟ้าวิคตอเรียซีเคร็ทต้องมา เดินบิดได้บิด! สับขาได้สับ! พอเดินกลับมาเค้าก็จะให้เรายืนหันหน้าเข้าหากระจก รับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่ เชิดหน้าขึ้น หันซ้าย หันขวา หน้าตรง แล้วบอกเราว่า ยูมีสิวนะ ควรเทคแคร์มันด้วย (ค่ะ) ยูใส่คอนแทคเลนส์สีใช่มั้ย (ใช่ค่ะ) ใส่มานานหรือยัง (เดือนเดียวค่ะ) วันหลังยูต้องใส่แบบใสนะเพราะเราต้องการเห็น the real you (ค่ะมาดาม)
ยังไม่จบ จากนั้นเค้าจะให้เราถกกระโปรงขึ้นถึง เพราะเค้าจะดูขา นี่ก็ตีเนียนเปิดถึงแค่ล่างเข่าเพราะมีแผลเป็นอยู่ตรงนั้น กรรมการเค้าก็ไม่ลงมานั่งดู หรือบอกให้เราถกเพิ่มนะ 555 เสร็จแล้วก็ให้หันหลัง เอามือล้วงๆไปในเคบาย่าเพื่อดูสิวที่หลัง ให้หันกลับมาแล้วขอดูมือ ดูแขน ถ้าเจอแผลเป็นเค้าก็จะถามว่าไปทำไรมา อินี่ไม่ได้กลบแผลที่แขนไปเพราะไม่ได้สังเกตว่ามันมี ก็เลยบอกเค้าไปว่าจำไม่ได้แล้วค่ะ ซอรี่

สุดท้ายเค้าก็ให้เราไปเปลี่ยนชุดได้ ถ้าผ่านกรรมการจะยื่นใบให้กรอกข้อมูลส่วนตัวและMedical Form วินาทีนั้นคือแบบ.. เห้ยย! ได้แล้วจริงๆใช่มั้ย ไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย คืออยากร้องไห้มาก มือไม้สั่นไปหมด ก็ได้แต่ขอบคุณค่ะๆๆๆ แล้วก็รีบเอาเอกสารไปกรอกอย่างเร็ว แล้วก็ให้เรารออีเมลล์ตรวจร่างกายอีกครั้งนึง เป็นอันเสร็จสิ้น

วันนั้นเราใช้เวลาทุกขั้นตอนภายใน 4ชั่วโมงรวมเวลาพักทานข้าว 1ชั่วโมง คือเราไปรอตั้งแต่ 9โมง เริ่มเช็คเอกสารตอนสิบโมง พักทานข้าวตอนเที่ยงครึ่ง กลับมาอีกทีบ่ายโมงครึ่ง บ่ายสองครึ่งก็กลายเป็นแอร์ติดเกาะไปแล้ว วันเดียวเปลี่ยนชีวิตจริงๆ

เราไม่รู้ว่ารีวิวของเราจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นแค่ไหน เพราะเราไม่ได้พรีสกรีน แล้วคำถามเราตอน Final Interview ก็เป็นคำถามสำหรับ ex-crew เป็นส่วนใหญ่ แต่เชื่อเถอะ เค้าอยากรู้ว่าเราแก้ปัญหาได้มั้ย แล้วอย่างตอนรอบ Debate เค้าคงอยากรู้ว่าเรามีสติหรือจะสามารถตอบคำถามสดๆตอนนั้นได้เลยหรือเปล่า

เรื่องภาษาที่3 ถ้าใครไม่มีก็ไม่ต้องกังวล เพราะเค้าเน้นภาษาอังกฤษ แต่ถ้าคุณบอกว่าคุณมีภาษาที่3 โดยเฉพาะภาษาจีน อย่าคิดว่าพูดแค่สวัสดี ขอบคุณได้แล้วจะจบ จะผ่าน คนสิงคโปร์เค้าพูดจีนกลางกัน อาจจะเจอแบบเราก็ได้ อยู่ๆก็พูดจีนขึ้นมา เราก็ต้องตอบให้ได้ด้วยนะ 

สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนโชคดีสำหรับ Interview อาทิตย์นี้เด้อจ้าา
แล้วมาเจอกันที่โรงเรียนเตรียมนางฟ้าชุดเคบาย่า 555 #หัวใจหัวใจหัวใจ

#โรงเรียนสอนแอร์
#คอร์สแอร์โฮสเตส
#เรียนแอร์โฮสเตส
#โค้ชแหม่มสอนแอร์อันดับ1
#โรงเรียนสอนแอร์อันดับ1
#สถาบันสอนแอร์อันดับ1

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้